ในโลกแห่งเรือนเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie) นาฬิกาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา แต่คือผลงานศิลปะ, นวัตกรรมทางวิศวกรรม และสิ่งสะสมล้ำค่าที่บันทึกประวัติศาสตร์ไว้ในตัวเอง นาฬิกาบางเรือนถูกสร้างขึ้นด้วยความพิเศษ มีเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เหมือนใคร และมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ทำให้มูลค่าของมันพุ่งสูงไปจนถึงระดับที่น่าตกใจเมื่อถูกนำออกประมูล บทความนี้จะพาไปพบกับ 10 อันดับนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการซื้อขายกันมา ซึ่งแต่ละเรือนล้วนเป็นตำนานที่นักสะสมทั่วโลกใฝ่ฝันถึง
อะไรที่ทำให้นาฬิกาหรูมีราคาแพง?
ราคาที่สูงลิ่วของนาฬิกาหรูไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นผลรวมของปัจจัยหลายอย่างที่ผสมผสานกันระหว่างศิลปะ วิศวกรรม ประวัติศาสตร์ และคุณค่าทางจิตใจ โดยมีปัจจัยหลักดังนี้ครับ
- 1. วัสดุชั้นเลิศ (Exquisite Materials)
- โลหะมีค่า แทนที่จะใช้สเตนเลสสตีลทั่วไป นาฬิกาหรูมักใช้โลหะมีค่า เช่น ทองคำ 18K (ทั้ง Yellow Gold, White Gold, Rose Gold), แพลทินัมซึ่งหายากและหนักกว่าทอง, หรือไทเทเนียมเกรดสูงที่เบาและทนทานเป็นพิเศษ
- อัญมณี การประดับด้วยเพชร, ทับทิม, แซฟไฟร์ หรือมรกต ที่ผ่านการคัดเลือกและเจียระไนอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือชั้นครู ยิ่งเพิ่มมูลค่าให้นาฬิกาอย่างมหาศาล
- วัสดุพิเศษ บางแบรนด์ใช้วัสดุจากนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เซรามิกทนรอยขีดข่วน, คาร์บอนฟอร์จ, หรือแม้กระทั่งวัสดุจากอุกกาบาต เพื่อสร้างความโดดเด่นและทนทาน
- 2. งานฝีมือและความประณีต (Craftsmanship and Finesse)
- การประกอบด้วยมือ ชิ้นส่วนกลไกหลายร้อยชิ้นถูกประกอบขึ้นด้วยมือโดยช่างนาฬิกาผู้เชี่ยวชาญ (Master Watchmaker) ซึ่งต้องใช้เวลา ความอดทน และความแม่นยำสูงสุด
- การขัดแต่งชิ้นส่วน (Finishing) ทุกชิ้นส่วนของกลไก แม้จะเป็นส่วนที่มองไม่เห็นจากภายนอก ก็จะถูกขัดแต่งอย่างสวยงามด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น Côtes de Genève (ลายเจนีวา), Perlage (ลายก้นหอย) ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการเสียดสีและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย
- ชั่วโมงการทำงาน นาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนหนึ่งเรือนอาจใช้เวลาในการผลิตและประกอบนานหลายร้อยชั่วโมง หรืออาจข้ามปี ซึ่งทั้งหมดนี้คือต้นทุนด้านแรงงานฝีมือชั้นสูง
- 3. กลไกที่ซับซ้อน (Complex Mechanisms – “Complications”)
- “Complications” คือฟังก์ชันการทำงานที่นอกเหนือไปจากการบอกชั่วโมง นาที และวินาที ยิ่งซับซ้อนยิ่งแพง ตัวอย่างเช่น:
- Chronograph ระบบจับเวลา
- Perpetual Calendar ปฏิทินถาวรที่ปรับวันที่เองได้ แม้ในปีอธิกสุรทิน ไปจนถึงปี 2100
- Minute Repeater กลไกตีบอกเวลาเป็นเสียงชั่วโมงและนาทีเมื่อต้องการ
- Tourbillon (ทูร์บิญอง) กลไกต้านแรงโน้มถ่วงที่ช่วยเพิ่มความเที่ยงตรง ถือเป็นสุดยอดของความซับซ้อนและงานศิลป์
- กลไกที่ผลิตเอง (In-House Movement) แบรนด์ระดับสูงจะลงทุนมหาศาลเพื่อวิจัย, พัฒนา และผลิตกลไกของตัวเองทั้งหมด ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถควบคุมคุณภาพและสร้างเอกลักษณ์ได้ แต่ก็มีต้นทุนที่สูงกว่าการซื้อกลไกสำเร็จรูปมาใช้
- “Complications” คือฟังก์ชันการทำงานที่นอกเหนือไปจากการบอกชั่วโมง นาที และวินาที ยิ่งซับซ้อนยิ่งแพง ตัวอย่างเช่น:
- 4. ประวัติศาสตร์และชื่อเสียงของแบรนด์ (Brand History and Reputation)
- มรดกที่ยาวนาน (Heritage) แบรนด์อย่าง Patek Philippe, Vacheron Constantin หรือ Audemars Piguet มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าร้อยปี เรื่องราว, ตำนาน และการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมต่างๆ คือสิ่งที่สร้างมูลค่าที่จับต้องไม่ได้
- ความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานด้านคุณภาพ ความเที่ยงตรง และบริการหลังการขาย ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นและยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่า
- 5. ความหายากและการผลิตจำนวนจำกัด (Rarity and Limited Production)
- Limited Edition นาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตในจำนวนจำกัด ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสม และมักมีราคาสูงขึ้นในตลาดมือสอง
- อุปทานไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ แบรนด์ชั้นนำอย่าง Rolex หรือ Patek Philippe บางรุ่น มีความต้องการสูงกว่ากำลังการผลิตมาก ทำให้เกิด “คิวรอ” (Waiting List) ที่ยาวนาน และราคาในตลาดรอง (Secondary Market) พุ่งสูงกว่าราคาป้ายหลายเท่าตัว
- 6. การวิจัยและพัฒนา (Research & Development – R&D)
- การคิดค้นกลไกใหม่ๆ, วัสดุใหม่ๆ หรือการจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีเฉพาะตัว ล้วนต้องใช้งบประมาณในการวิจัยและพัฒนาจำนวนมหาศาล ซึ่งต้นทุนเหล่านี้จะถูกรวมอยู่ในราคานาฬิกา
10 อันดับนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลกที่เคยขาย
อันดับที่ 1 Patek Philippe Grandmaster Chime Ref. 6300A-010
- ราคาขาย 31.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,150 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2019 (งานประมูล Only Watch)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- นาฬิกาเรือนเดียวในโลก สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพียงเรือนเดียวสำหรับงานประมูลเพื่อการกุศล Only Watch ทำให้เป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่ต้องการอย่างสูงสุด
- วัสดุตัวเรือน เป็น Grandmaster Chime เรือนแรกและเรือนเดียวที่ผลิตด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้ยากมากในนาฬิการะดับ Grand Complication ของ Patek Philippe
- ความซับซ้อนขั้นสูงสุด มีฟังก์ชันการทำงานถึง 20 ฟังก์ชัน ถือเป็นนาฬิกาข้อมือที่ซับซ้อนที่สุดที่ Patek Philippe เคยผลิตมา ประกอบด้วยกลไกตีบอกเวลา 5 รูปแบบ (Grande Sonnerie, Petite Sonnerie, Minute Repeater), ปฏิทินถาวร (Perpetual Calendar), และ Time Zone ที่สอง
- หน้าปัดสองด้าน มีหน้าปัดที่สามารถพลิกกลับด้านได้ โดยหน้าปัดด้านหนึ่งเป็นสีแซลมอน (Salmon) และอีกด้านเป็นสีดำ (Ebony Black) พร้อมสลักคำว่า “The Only One” เพื่อบ่งบอกถึงความพิเศษ
อันดับที่ 2 Patek Philippe Henry Graves Jr. Supercomplication
- ราคาขาย 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 885 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2014 (Sotheby’s)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- ตำนานแห่งนาฬิกาพก เป็นนาฬิกาพกที่ได้รับการยอมรับว่าซับซ้อนที่สุดในโลกที่สร้างขึ้นด้วยมือ โดยไม่มีความช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์
- การแข่งขันแห่งศตวรรษ สร้างขึ้นในปี 1933 จากการแข่งขันระหว่างนายธนาคาร Henry Graves Jr. และผู้ผลิตรถยนต์ James Ward Packard เพื่อครอบครองนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลก
- ฟังก์ชันการทำงาน 24 อย่าง ประกอบด้วยฟังก์ชันที่ซับซ้อนมากมาย เช่น ปฏิทินถาวร, แผนที่ดาวยามค่ำคืนของมหานครนิวยอร์กตามมุมมองจากบ้านของ Graves, เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก และเสียงตีบอกเวลาแบบ Westminster Chime
- วัสดุล้ำค่า ตัวเรือนทำจากทองคำ 18K และใช้เวลาในการออกแบบและสร้างนานถึง 8 ปี
อันดับที่ 3 Rolex Cosmograph Daytona “Paul Newman” Ref. 6239
- ราคาขาย 17.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 656 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2017 (Phillips)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- นาฬิกาของราชาแห่งความเท่ เป็นนาฬิกาส่วนตัวของ “พอล นิวแมน” นักแสดงระดับตำนานและนักแข่งรถชื่อดัง ได้รับเป็นของขวัญจากภรรยาของเขา Joanne Woodward
- เอกลักษณ์หน้าปัด “Exotic Dial” มีหน้าปัดย่อยแบบ Art Deco ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต่อมานักสะสมได้ขนานนามหน้าปัดสไตล์นี้ว่า “Paul Newman” Dial
- เรื่องราวเบื้องหลัง ด้านหลังตัวเรือนมีการสลักข้อความว่า “DRIVE CAREFULLY ME” ซึ่งเป็นข้อความจากภรรยาของเขา แสดงถึงความรักและความห่วงใย ทำให้มีคุณค่าทางจิตใจอย่างมหาศาล
- สร้างปรากฏการณ์ การประมูลนาฬิกาเรือนนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการ ทำให้ Rolex Daytona รุ่นวินเทจกลายเป็นที่ต้องการและมีราคาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
อันดับที่ 4 Jacob & Co. Billionaire Timeless Treasure
- ราคาขาย 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 738 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2023 (ซื้อขายส่วนตัว)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- อัญมณีสีเหลืองอร่าม ประดับด้วยเพชรสีเหลืองแฟนซี (Fancy Yellow Diamond) ที่หายากอย่างยิ่ง จำนวน 425 เม็ด โดยใช้เวลาถึง 3 ปีครึ่งในการเสาะหาเพชรที่มีสีและคุณภาพตรงตามข้อกำหนด
- งานศิลปะบนข้อมือ เพชรแต่ละเม็ดถูกเจียระไนในรูปแบบ Asscher Cut ที่งดงามและต้องใช้ความชำนาญขั้นสูงในการประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
- กลไก Tourbillon ขับเคลื่อนด้วยกลไก Skeleton Tourbillon ที่ซับซ้อน ซึ่งสะพานจักรยังถูกประดับด้วยเพชรสีเหลืองอีกด้วย
- ความพิเศษหนึ่งเดียว เป็นนาฬิกาที่มีเพียงเรือนเดียวในโลก แสดงถึงที่สุดของความหรูหราและการผสมผสานระหว่างศาสตร์แห่งอัญมณีและเรือนเวลา
อันดับที่ 5 Patek Philippe Stainless Steel Ref. 1518
- ราคาขาย 11.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 410 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2016 (Phillips)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- ความหายากขั้นสุดยอด Patek Philippe Ref. 1518 เป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของโลกที่มีฟังก์ชันปฏิทินถาวรพร้อมโครโนกราฟที่ผลิตแบบซีรีส์ แต่มีการผลิตในตัวเรือนสเตนเลสสตีลเพียง 4 เรือนเท่านั้น
- ความขัดแย้งที่ทรงคุณค่า ในยุคนั้น (ช่วงปี 1940s) สเตนเลสสตีลถือเป็นวัสดุสำหรับนาฬิการาคาถูก การนำมาใช้กับกลไกที่ซับซ้อนระดับสูงจึงเป็นเรื่องที่พิเศษและหาได้ยากมาก
- ประวัติศาสตร์ในยุคสงคราม ถูกผลิตขึ้นในปี 1943 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เรื่องราวของมันยิ่งน่าสนใจและทรงคุณค่า
- สถานะ “Grail Watch” สำหรับนักสะสมแล้ว นาฬิการุ่นนี้ในตัวเรือนสตีลถือเป็น “จอกศักดิ์สิทธิ์” ที่สุดแห่งการสะสมนาฬิกาวินเทจ
อันดับที่ 6 Patek Philippe Prince Mohammed Tewfik A. Toussoun Ref. 1518
- ราคาขาย 9.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 353 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2021 (Sotheby’s)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- นาฬิกาของเจ้าชาย มีเจ้าของดั้งเดิมคือ เจ้าชาย Mohammed Tewfik A. Toussoun แห่งอียิปต์ ซึ่งเพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่จับต้องได้
- ตัวเรือน Pink Gold เป็นหนึ่งใน Ref. 1518 เพียงไม่กี่เรือนที่ผลิตด้วยตัวเรือนพิงก์โกลด์ พร้อมหน้าปัดสีชมพู (Pink on Pink) ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมาก
- ปฏิทินภาษาฝรั่งเศส หน้าปัดแสดงวันและเดือนเป็นภาษาฝรั่งเศส เพิ่มความพิเศษให้กับนาฬิกาเรือนนี้
- สภาพสมบูรณ์ มาพร้อมกล่องและใบรับประกันดั้งเดิมครบถ้วน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากสำหรับนาฬิกาวินเทจ
อันดับที่ 7 Patek Philippe Gobbi Milan “Heures Universelles” Ref. 2523
- ราคาขาย 8.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 331 ล้านบาท)
- ปีที่ขาย 2019 (Christie’s)
- รายละเอียดและจุดเด่น
- ลงนามโดยร้านค้าปลีกชื่อดัง หน้าปัดมีลายเซ็นของ “Gobbi Milan” ร้านค้าปลีกนาฬิกาชื่อดังในอิตาลี ซึ่งเป็นสิ่งที่นักสะสมให้ความสำคัญ
- หน้าปัด Blue Enamel โดดเด่นด้วยหน้าปัดกลางที่ทำจากเทคนิคการลงยาสีน้ำเงิน (Blue Enamel) ที่มีความสวยงามและหาได้ยากมาก
- ฟังก์ชัน World Time มาพร้อมกลไก World Time ที่ออกแบบโดย Louis Cottier สามารถแสดงเวลาของ 40 เมืองทั่วโลกได้พร้อมกัน
- เอกลักษณ์สองเม็ดมะยม มีเม็ดมะยมสองอัน สำหรับตั้งเวลาและปรับเปลี่ยนโซนเวลา ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้
อันดับที่ 8 Vacheron Constantin 57260
- ราคาขาย ประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เป็นการสั่งทำส่วนตัว)
- ปีที่ขาย 2015
- รายละเอียดและจุดเด่น
- นาฬิกาพกที่ซับซ้อนที่สุดในโลกยุคใหม่ สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 260 ปีของแบรนด์ Vacheron Constantin และทุบสถิติเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลก
- ฟังก์ชัน 57 อย่าง ประกอบด้วยฟังก์ชันการทำงานถึง 57 อย่าง ซึ่งหลายฟังก์ชันเป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ปฏิทินฮีบรู, ปฏิทินดาราศาสตร์ และนาฬิกาปลุกพร้อมรูปแบบเสียงที่เลือกได้
- ผลงานชิ้นเอก ใช้เวลายาวนานถึง 8 ปีในการพัฒนาและประกอบโดยทีมช่างนาฬิกาชั้นครู 3 คน
- การซื้อขายแบบส่วนตัว ไม่ได้ถูกประมูล แต่เป็นการสั่งทำโดยลูกค้าส่วนบุคคล ซึ่งมูลค่าที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่ประเมินไว้
อันดับที่ 9 Chopard 201-Carat Watch
- ราคาขาย 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราคาตั้งขาย)
- ปีที่ขาย 2000
- รายละเอียดและจุดเด่น
- ที่สุดแห่งอัญมณีบนเรือนเวลา เป็นนาฬิกาที่เต็มไปด้วยเพชรน้ำงามหลากสีสัน รวมน้ำหนักกว่า 201 กะรัต
- เพชรรูปหัวใจ จุดเด่นอยู่ที่เพชรรูปหัวใจ 3 เม็ด ได้แก่ เพชรสีชมพู 15.37 กะรัต, เพชรสีฟ้า 12.79 กะรัต และเพชรสีขาว (D-Color) 11.36 กะรัต
- กลไกซ่อนหน้าปัด เพชรทั้งสามเม็ดสามารถเปิดออกเพื่อเผยให้เห็นหน้าปัดนาฬิกาขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ภายใน
- งานฝีมือชั้นสูง เป็นการผสมผสานระหว่างสุดยอดงานอัญมณีและศิลปะการทำนาฬิกาเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
อันดับที่ 10 Breguet Grande Complication Marie Antoinette No. 160
- ราคาประเมิน มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่มีการขายจริง แต่เป็นมูลค่าประเมิน)
- ปีที่สร้างเสร็จ 1827
- รายละเอียดและจุดเด่น
- ของขวัญแด่ราชินี เชื่อกันว่าถูกสั่งทำขึ้นในปี 1783 เพื่อเป็นของขวัญให้กับพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ราชินีแห่งฝรั่งเศส
- ตำนานที่ใช้เวลาสร้าง 44 ปี การสร้างนาฬิกาเรือนนี้ใช้เวลายาวนานถึง 44 ปี ซึ่งทั้งพระนางมารี อ็องตัวแน็ต และ Abraham-Louis Breguet ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ต่างเสียชีวิตไปก่อนที่นาฬิกาจะเสร็จสมบูรณ์
- ความซับซ้อนแห่งยุค ในสมัยนั้นถือเป็นนาฬิกาที่รวมทุกความซับซ้อนที่เป็นไปได้ไว้ในเรือนเดียว ทั้งปฏิทินถาวร, Minute Repeater และเทอร์โมมิเตอร์
- ประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง นาฬิกาเรือนนี้เคยถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์ในเยรูซาเลมเมื่อปี 1983 และเพิ่งถูกค้นพบอีกครั้งในปี 2007 ทำให้เรื่องราวของมันกลายเป็นตำนานที่น่าติดตาม
ส่วนมากหาซื้อจากที่ไหน?
การซื้อนาฬิกาหรูมีหลายช่องทาง ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนี้ครับ
- 1. ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (Authorized Dealers – AD) และบูติกของแบรนด์ (Brand Boutiques)
- คืออะไร ร้านค้าที่ได้รับการแต่งตั้งจากแบรนด์ผู้ผลิตโดยตรง
- ข้อดี
- มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ 100%
- ได้รับการรับประกันเต็มรูปแบบจากแบรนด์ (Full Manufacturer’s Warranty)
- ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งการบริการ, การให้ข้อมูล และความรู้สึกพิเศษ
- ซื้อได้ในราคาป้าย (Retail Price)
- ข้อเสีย
- สำหรับรุ่นยอดนิยม อาจต้องลงชื่อรอคิวนานหลายเดือนหรือหลายปี
- ไม่มีส่วนลดสำหรับรุ่นที่เป็นที่ต้องการสูง
- 2. ตลาดมือสอง (Secondary Market)
- คืออะไร ร้านค้าหรือดีลเลอร์ที่ซื้อ-ขายนาฬิกาหรูมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว
- ข้อดี
- สามารถหารุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว (Discontinued Models) หรือรุ่นวินเทจได้
- บางรุ่นอาจหาซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาป้าย
- เป็นแหล่งปล่อยของสำหรับนักสะสมหรือนักลงทุน
- ข้อเสีย
- ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการดูสภาพและตรวจสอบว่าเป็นของแท้
- มีความเสี่ยงเจอของปลอมหรือนาฬิกาที่ผ่านการดัดแปลง (ยำ)
- การรับประกันมักจะเป็นของทางร้าน ไม่ใช่จากแบรนด์โดยตรง
- 3. ตลาดเกรย์มาร์เก็ต (Grey Market)
- คืออะไร ร้านค้าที่ขายนาฬิกา “ของแท้และของใหม่” แต่ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พวกเขามักจะจัดหานาฬิกามาจาก AD ทั่วโลก
- ข้อดี
- สามารถหารุ่นยอดนิยมที่ไม่มีใน AD ได้ทันที ไม่ต้องรอคิว
- บางรุ่นที่ไม่เป็นที่นิยมมาก อาจได้ราคาพร้อมส่วนลดจากราคาป้าย
- ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าป้ายมากสำหรับรุ่นยอดนิยม
- ประเด็นเรื่องการรับประกันอาจมีความซับซ้อน (บางครั้งใบรับประกันอาจไม่ลงวันที่ หรือเป็นชื่อของคนอื่น)
- 4. สถาบันประมูล (Auction Houses)
- คืออะไร บริษัทจัดประมูลระดับโลก เช่น Phillips, Christie’s, และ Sotheby’s
- ข้อดี
- เป็นแหล่งรวมนาฬิกาที่หายากที่สุด, รุ่นพิเศษ, หรือนาฬิกาที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
- มีโอกาสได้เป็นเจ้าของนาฬิกาที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในโลก
- ข้อเสีย
- ราคาจบประมูลมักจะสูงมาก และต้องเสียค่าธรรมเนียม (Buyer’s Premium) เพิ่มเติม
- เป็นช่องทางสำหรับนักสะสมระดับจริงจังและมีกำลังซื้อสูง