Responsive Promo Slider

ยาเป๊ป (pep) คืออะไร แตกต่างจากยาเพร็พ (PrEP) อย่างไร ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง รับยาฟรีไหม

การป้องกันการติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าไปมาก ยาเป๊ป (PEP) และ ยาเพร็พ (PrEP) คือ สองเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ทั้งสองชนิดมีวัตถุประสงค์ วิธีใช้ และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจยาแต่ละชนิดอย่างละเอียด ตั้งแต่กลไกการออกฤทธิ์ ส่วนประกอบของตัวยา ไปจนถึงขั้นตอนการเข้ารับบริการฟรีในประเทศไทย

สารบัญ

1.ยาเป๊ป (PEP) คืออะไร

  • ยาเป๊ป (PEP – Post-Exposure Prophylaxis) คือ การใช้ยาต้านไวรัส HIV เป็นเวลา 28 วัน “หลัง” จากเกิดเหตุการณ์ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อมาแล้ว
  • เปรียบเสมือน “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” สำหรับเชื้อ HIV โดยมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งไวรัสก่อนที่มันจะสามารถเข้าไปฝังตัวและแบ่งตัวในเซลล์ภูมิคุ้มกัน (CD4) ของร่างกายได้อย่างถาวร

หัวใจสำคัญ: ต้องเริ่มกินยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังเกิดเหตุการณ์เสี่ยง ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไร ประสิทธิภาพในการป้องกันก็จะยิ่งสูงขึ้น

กลไกการทำงานของยา PEP เมื่อเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะพยายามจำลองสารพันธุกรรมของตัวเอง (RNA) ให้กลายเป็น DNA แล้วแทรกเข้าไปใน DNA ของเซลล์เม็ดเลือดขาวของมนุษย์ ยา PEP จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการสำคัญเหล่านี้ ทำให้เชื้อไม่สามารถแบ่งตัวและก่อการติดเชื้อแบบถาวรได้

สูตรยา PEP ที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน

ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) และกรมควบคุมโรคของไทย สูตรยาที่แนะนำสำหรับ PEP จะประกอบด้วยยาต้านไวรัส 3 ชนิด เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและผลข้างเคียงน้อย สูตรที่นิยมใช้คือ TLD ซึ่งประกอบด้วย:

  1. Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) 300 มก.: เป็นยาในกลุ่ม Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors (NRTIs) ทำหน้าที่ขัดขวางเอนไซม์ที่เชื้อ HIV ใช้ในการจำลองสารพันธุกรรม
  2. Lamivudine (3TC) 300 มก.: เป็นยาในกลุ่ม NRTIs เช่นกัน ทำงานเสริมกับ TDF เพื่อหยุดยั้งการแบ่งตัวของไวรัส
  3. Dolutegravir (DTG) 50 มก.: เป็นยาในกลุ่ม Integrase Inhibitors (INSTIs) ซึ่งเป็นยากลุ่มใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ “อินทิเกรส” ที่เชื้อไวรัสใช้ในการแทรก DNA ของมันเข้าไปในเซลล์ของมนุษย์

แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกสูตรยาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยประเมินจากสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะการทำงานของตับและไต

วิธีการรับประทานยาเป๊ป (PEP)

ยา PEP คือคอร์สการรักษาระยะสั้น 28 วัน ที่ต้องการความเคร่งครัดสูงสุด

ตรวจ HIV

ขั้นตอนที่ 1: เริ่มยาให้เร็วที่สุด

  • หลังจากได้รับยาจากแพทย์หรือห้องฉุกเฉินแล้ว ให้รับประทานยา เม็ดแรกทันที ไม่ต้องรอ
  • ย้ำว่าต้องอยู่ภายในกรอบเวลา 72 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุการณ์เสี่ยง

ขั้นตอนที่ 2: กำหนดเวลาและสร้างวินัย

  • เลือกเวลาที่จำง่ายที่สุดสำหรับคุณ เช่น หลังอาหารเย็น, ก่อนนอน, หรือเวลาเดียวกับที่แปรงฟัน
  • ตั้งนาฬิกาปลุกเตือนทุกวัน ในช่วง 28 วันนี้ เพื่อป้องกันการลืม
  • ต้องกินยาในเวลาเดิม หรือใกล้เคียงเวลาเดิมมากที่สุดในทุกๆ วัน เพื่อรักษาระดับยาในเลือดให้คงที่ตลอด 24 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 3: วิธีการกลืนยา

  • สามารถกินยาพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมก็ได้
  • คำแนะนำ: หากคุณมีอาการคลื่นไส้ในช่วงแรก ให้ลองเปลี่ยนมากินยา พร้อมอาหารมื้อหลัก หรือกินก่อนนอน จะช่วยลดอาการข้างเคียงได้มาก

ขั้นตอนที่ 4: หากลืมกินยา (สำคัญมาก!)

  • ถ้านึกขึ้นได้ และยังไม่เกิน 12 ชั่วโมงจากเวลาปกติ: ให้กินยาทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ
  • ถ้าเลยเวลาปกติไปแล้วเกิน 12 ชั่วโมง (คือใกล้เวลาของเม็ดถัดไปแล้ว): ให้ “ข้าม” เม็ดที่ลืมไปเลย แล้วกินเม็ดถัดไปตามเวลาปกติ
  • ข้อห้ามเด็ดขาด: ห้ามกินยาทบเป็น 2 เม็ดในครั้งเดียว เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพของยา
  • หากลืมกินยาบ่อยครั้ง (มากกว่า 2-3 ครั้งใน 28 วัน) ควรรีบปรึกษาแพทย์

ขั้นตอนที่ 5: ต้องกินให้ครบ 28 วัน

  • ห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด แม้จะรู้สึกว่าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ การกินยาไม่ครบตามกำหนดจะทำให้การป้องกันล้มเหลวได้

 

2. ยาเพร็พ (PrEP) คืออะไร?

ยาเพร็พ (PrEP – Pre-Exposure Prophylaxis) คือ การรับประทานยาต้านไวรัส HIV วันละ 1 เม็ดอย่างสม่ำเสมอ “ก่อน” ที่จะมีความเสี่ยง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเชื้อแต่มีความเสี่ยงสูง

หลักการทำงาน: การกินยา PrEP ทุกวันจะทำให้มีระดับของยาต้านไวรัสในเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ (เช่น ในช่องคลอดหรือทวารหนัก) สูงเพียงพอที่จะยับยั้งเชื้อ HIV ได้ทันทีที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เชื้อไม่สามารถเริ่มกระบวนการติดเชื้อได้เลย

ใครที่ควรพิจารณาใช้ PrEP?

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีคู่นอนที่ติดเชื้อ HIV และมีปริมาณไวรัสในเลือดที่ยังตรวจเจอ (Viral Load > 200 copies/mL)
  • กลุ่มชายรักชาย (MSM) หรือสาวประเภทสองที่มีความเสี่ยง
  • ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น

สูตรยา PrEP ที่เป็นมาตรฐาน

สูตรยาที่ได้รับการรับรองและใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดคือยาเม็ดรวมที่ประกอบด้วย:

  1. Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) 300 มก.
  2. Emtricitabine (FTC) 200 มก.

ทั้งสองตัวเป็นยาในกลุ่ม NRTIs ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยในการใช้ระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการใช้ PrEP แบบ “On-Demand” หรือ “2-1-1” สำหรับกลุ่มชายรักชาย ซึ่งเป็นการกินยาเฉพาะช่วงที่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น

วิธีการรับประทานยาเพร็พ (PrEP)

ยา PrEP มีวิธีการกิน 2 รูปแบบหลัก ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงของตนเอง

Daily PrEP (การกินยาทุกวัน)

เป็นวิธีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำสำหรับทุกกลุ่มเสี่ยง

ขั้นตอนที่ 1: เริ่มยาหลังปรึกษาแพทย์

  • จะเริ่มกินยาได้ต่อเมื่อผลตรวจเลือดเป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ HIV)

ขั้นตอนที่ 2: สร้างเกราะป้องกัน

  • สำหรับการป้องกันเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก: ต้องกินยาทุกวันต่อเนื่องกัน อย่างน้อย 7 วัน ยาจึงจะมีระดับเพียงพอที่จะป้องกันได้อย่างเต็มที่
  • สำหรับการป้องกันเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด หรือการรับเชื้อผ่านทางกระแสเลือด: ต้องกินยาทุกวันต่อเนื่องกัน อย่างน้อย 20 วัน

ขั้นตอนที่ 3: รักษาวินัยการกิน

  • กินยาวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดิม หรือใกล้เคียงเวลาเดิมทุกวัน เพื่อให้การป้องกันต่อเนื่อง

ขั้นตอนที่ 4: หากลืมกินยา

  • ให้กินทันทีที่นึกได้ แต่ห้ามกินเบิ้ล 2 เม็ด
  • การลืมกิน 1 เม็ดเป็นครั้งคราวไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลงมากนัก แต่หากลืมบ่อย (น้อยกว่า 4 เม็ดต่อสัปดาห์) ประสิทธิภาพการป้องกันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

On-Demand PrEP (การกินยาเฉพาะกิจแบบ 2-1-1)

วิธีนี้แนะนำ สำหรับกลุ่มชายรักชาย (MSM) เท่านั้น และต้องมีการวางแผนล่วงหน้า

ขั้นตอนที่ 1 (Dose แรก): กินยา 2 เม็ด

  • กินยา 2 เม็ด ในครั้งเดียว ในช่วงเวลา 2 ถึง 24 ชั่วโมง ก่อน จะมีเพศสัมพันธ์

ขั้นตอนที่ 2 (Dose ที่สอง): กินยา 1 เม็ด

  • กินยา 1 เม็ด หลังจากกิน 2 เม็ดแรกไปแล้ว ครบ 24 ชั่วโมง

ขั้นตอนที่ 3 (Dose ที่สาม): กินยาอีก 1 เม็ด

  • กินยา 1 เม็ด หลังจากกินเม็ดที่สองไปแล้ว ครบ 24 ชั่วโมง

กรณีมีเพศสัมพันธ์ต่อเนื่องหลายวัน:

  • ให้กินยาวันละ 1 เม็ดต่อไปเรื่อยๆ ทุก 24 ชั่วโมง ตลอดช่วงเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และ ต้องกินยาต่อไปอีก 2 วัน (วันละ 1 เม็ด) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย จึงจะหยุดยาได้

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง PEP และ PrEP

คุณสมบัติ ยาเป๊ป (PEP) ยาเพร็พ (PrEP)
วัตถุประสงค์ ป้องกันฉุกเฉิน ป้องกันล่วงหน้า
ช่วงเวลาที่ใช้ กินหลังมีความเสี่ยง (ภายใน 72 ชม.) กินก่อนมีความเสี่ยง (กินทุกวัน)
ระยะเวลาการกิน กินต่อเนื่อง 28 วัน แล้วหยุด กินต่อเนื่องทุกวัน ตลอดช่วงที่มีความเสี่ยงสูง
กลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่เพิ่งสัมผัสความเสี่ยงมา ผู้ที่วางแผนและรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงสูงต่อเนื่อง
ตัวอย่างสูตรยา TDF + 3TC + DTG (3 ตัวยา) TDF + FTC (2 ตัวยา)

 

ผลข้างเคียงและการเข้าถึงยาในประเทศไทย และการรับยา PEP ฟรี

ผลข้างเคียง ยา PEP และ PrEP สูตรปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยมาก อาการที่พบได้บ่อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ได้แก่ คลื่นไส้, เวียนศีรษะ, ปวดท้อง, อ่อนเพลีย ซึ่งมักจะหายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้ การรับประทานยาพร้อมอาหารหรือก่อนนอนอาจช่วยลดอาการได้ สำหรับผู้ที่ใช้ PrEP ระยะยาว แพทย์จะมีการนัดตรวจการทำงานของไตและมวลกระดูกเป็นระยะ

การรับยา PEP ฟรีในประเทศไทย คนไทยทุกคนมีสิทธิรับยา PEP ได้ ฟรี ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

ขั้นตอน:

  1. ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด (ภายใน 72 ชั่วโมง): สามารถไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือคลินิกเฉพาะทาง เช่น คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย
  2. ประเมินความเสี่ยงและตรวจเลือด: แพทย์จะซักประวัติและสั่งตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าคุณยังไม่มีเชื้อ HIV, ตรวจการทำงานของตับ-ไต และตรวจไวรัสตับอักเสบบี
  3. รับยา: หากเข้าเกณฑ์ แพทย์จะจ่ายยาให้ฟรีครบ 28 วัน พร้อมให้คำแนะนำ
  4. ติดตามผล: แพทย์จะนัดตรวจเลือดหาเชื้อ HIV อีกครั้งหลังครบ 28 วัน และที่ 3 เดือนเพื่อยืนยันผล

การรับยา PrEP ฟรีในประเทศไทย ปัจจุบัน สปสช. ได้บรรจุยา PrEP เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง สามารถติดต่อขอรับบริการได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ, คลินิกชุมชน และองค์กรภาคประชาสังคมหลายแห่งทั่วประเทศ โดยจะต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงและตรวจเลือดก่อนเช่นกัน

 

สั่งซื้อออนไลน์ได้ไหม

ไม่สามารถ กดสั่งซื้อยา PEP/PrEP จากเว็บไซต์ขายของทั่วไปได้ เพราะเป็นอันตรายและผิดกฎหมาย แต่คุณ สามารถ ใช้บริการ Telemedicine ของสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นช่องทาง “ออนไลน์” ที่ปลอดภัย มีแพทย์ดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมิน การตรวจเลือด ไปจนถึงการจัดส่งยาที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์

ทำไมถึงสั่งซื้อออนไลน์ทั่วไปไม่ได้?

  1. เป็นยาควบคุมพิเศษ (Prescription-Only Medicine): ยา PEP และ PrEP ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน แต่เป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการประเมินที่สำคัญก่อนเริ่มยา
  2. ต้องผ่านการตรวจเลือดก่อนเสมอ (Crucial Blood Tests Required): นี่คือขั้นตอนที่ข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เอง:
    • ตรวจ HIV: ต้องยืนยันว่าคุณ ไม่มีเชื้อ HIV ก่อนเริ่มยา โดยเฉพาะ PrEP เพราะหากคุณมีเชื้ออยู่แล้ว การกินยา PrEP (ซึ่งมีตัวยาแค่ 2 ชนิด) อาจทำให้เกิดภาวะ “เชื้อดื้อยา” ซึ่งจะทำให้การรักษาในอนาคตยากขึ้นอย่างมหาศาล
    • ตรวจการทำงานของไต (Kidney Function): ยาบางชนิดในสูตร PEP/PrEP (เช่น Tenofovir) อาจมีผลต่อการทำงานของไต แพทย์จึงต้องประเมินว่าไตของคุณแข็งแรงพอที่จะรับยาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
    • ตรวจไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B): ยา PrEP/PEP สามารถควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ด้วย หากคุณมีเชื้อนี้อยู่ การหยุดยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรงได้
  3. ความเสี่ยงจากยาปลอมหรือยาที่ไม่ได้มาตรฐาน: การซื้อยาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือทางออนไลน์มีความเสี่ยงสูงมากที่จะได้รับ:
    • ยาปลอม: ไม่มีตัวยาสำคัญอยู่เลย ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน
    • ยาหมดอายุ: ประสิทธิภาพของยาลดลง
    • ยาที่เก็บรักษาไม่ถูกวิธี: ความร้อนหรือความชื้นอาจทำให้ยาเสื่อมสภาพ

ถ้าต้องการยาและไม่ต้องการให้ใครรู้ ทำอย่างไร?

  1. เลือกสถานพยาบาลที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูง (สำคัญที่สุด)

แทนที่จะไปโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนขนาดใหญ่ที่มีคนพลุกพล่าน ให้เลือกใช้บริการจากสถานที่ที่ออกแบบมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ:

  • คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย:
    • จุดเด่น: สมชื่อ “นิรนาม” คือคุณ ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อจริง หรือบัตรประชาชนในการเข้ารับบริการ สามารถใช้รหัสหรือนามแฝงได้ ทำให้ไม่มีประวัติผูกกับตัวตนของคุณ เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและเข้าใจเรื่องนี้ที่สุดในประเทศไทย
  • คลินิกเฉพาะทางด้านสุขภาพทางเพศ:
    • จุดเด่น: คลินิกเหล่านี้ (เช่น Safe Clinic, Pulse Clinic, หรือคลินิกอื่นๆ ที่เชี่ยวชาญด้านนี้) มีกระบวนการที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฝึกอบรมให้เข้าใจความละเอียดอ่อนของเรื่องนี้ การปรึกษาจะทำในห้องส่วนตัว และข้อมูลของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับสูงสุด
  • บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) จากคลินิกเฉพาะทาง:
    • จุดเด่น: นี่คือวิธีที่ เป็นส่วนตัวที่สุด เพราะคุณสามารถปรึกษาแพทย์จากที่บ้านหรือที่ใดก็ได้ที่คุณสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปคลินิกให้ใครเห็น
  1. เลือกวิธีการรับยาที่ควบคุมได้ด้วยตนเอง

เมื่อแพทย์สั่งยาให้แล้ว ขั้นตอนการรับยาคือจุดที่ต้องระวังที่สุด:

  • วิธีที่ดีที่สุด: เข้ารับยาด้วยตนเองที่คลินิก
    • หลังจากปรึกษาและตรวจเลือดเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกวิธีกลับไปรับยาด้วยตัวเอง วิธีนี้จะไม่มีการส่งพัสดุใดๆ ไปที่บ้านหรือที่ทำงาน ทุกอย่างจะจบที่คลินิก
  • หากจำเป็นต้องจัดส่ง:
    • ห้ามใช้ที่อยู่บ้าน: อย่าให้จัดส่งยาไปที่บ้านหรือคอนโดที่มีคนอื่นรับพัสดุแทนได้
    • ใช้ที่อยู่ที่ปลอดภัย: ลองสอบถามคลินิกว่าสามารถจัดส่งไปที่อื่นที่คุณควบคุมได้ 100% เช่น ที่ทำงาน (หากคุณมีห้องทำงานส่วนตัว) หรือบ้านเพื่อนสนิทที่ไว้ใจและรู้เรื่อง
    • การจัดส่งแบบรักษ์ความลับ: คลินิกเฉพาะทางที่มีมาตรฐานจะใช้ “การจัดส่งแบบปกปิด” (Discreet Shipping) ซึ่งหมายถึงกล่องพัสดุจะถูกปิดมิดชิด ไม่มีการระบุชื่อคลินิก หรือบอกว่าเป็นยาอะไรบนหน้ากล่อง ดูภายนอกจะเหมือนพัสดุทั่วไป
  1. เลือกวิธีการชำระเงินที่ไม่ทิ้งร่องรอย
  • ชำระเงินเอง (Self-Pay): หากคุณกังวลว่าการใช้สิทธิประกันสังคมหรือสิทธิบัตรทอง (สปสช.) อาจมีบันทึกในระบบที่คนอื่นอาจเข้าถึงได้ในอนาคต การเลือก ชำระค่าบริการและค่ายาด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตส่วนตัว จะเป็นทางเลือกที่ตัดความกังวลนี้ไปได้ แม้จะมีค่าใช้จ่าย แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่สมบูรณ์

คำถามคือ ยาเป๊ป ที่เราซื้อนั้นเป็นของจริงหรือไม่?

Haymarket Media Group จากประเทศอังกฤษได้จัดทำการรวบรวมข้อมูลยาเพื่อพัฒนาหนังสือครั้งแรกในปีพ.ศ. 2502 ชื่อว่า The Monthly Index of Medical Specialties(MIMS) และได้วางรากฐานข้อมูลยาระดับนานาชาติ

โดยข้อมูลจะประกอบไปด้วยชื่อทางการค้าและข้อมูลทางวิชาการ จากประเทศหลายๆ ประเทศ อาทิ ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศไทย ฮ่องกง และมาเลเซีย

เราจะใช้รูปและข้อมูลของยาอ้างอิงจาก MIMS เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเพรีฟ ซึ่งเป็นยาเม็ดรวม 2 ชนิดใน 1 เม็ด ซึ่งยาตัวนี้มีส่วนประกอบคือ Emtricitabine 200mg/Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg เนื่องจากมียาเพรีฟหลายยี่ห้อ

การให้ข้อมูลที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยมียา Emtricitabine 200mg/ Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg ได้รับการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายอยู่ 4 ชื่อ ได้แก่

ข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับ ยาเป๊ป Pep จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ

ยาเป๊ป Pep แบรนด์ TRUVADA (สำหรับตลาดต่างประเทศ)

  • แบรนด์: ทรูวาดา (TRUVADA)
  • ส่วนประกอบของยา: Emtricitabine 200mg/Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg
  • ผู้ผลิต: บริษัท Gilead Sciences
  • ประเทศที่มีการจัดจำหน่าย: สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, เยอรมนี, สิงคโปร์, และฮ่องกง
  • FDA Approved: ปี 2547
  • FDA Approved สำหรับยาเพรีฟ: ปี 2555
  • หมายเหตุ: ยาทรูวาดา (TRUVADA) ของบริษัท GILEAD ที่จำหน่ายนอกประเทศไทย จะมีผิวสีฟ้า โดยด้านหนึ่งมีสัญลักษณ์ “GILEAD” และอีกด้านมีตัวเลข “701” ปรากฏอยู่
  • ผู้คนจากประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สวีเดน ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ฮ่องกง และสิงคโปร์ คุ้นเคยกับลักษณะของยาทรูวาดาในรูปแบบนี้

 

ยาเป๊ป Pep แบรนด์ TRUVADA (สำหรับประเทศไทย)

  • แบรนด์: ทรูวาดา (TRUVADA)
  • ส่วนประกอบของยา: Emtricitabine 200mg/Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg
  • ผู้ผลิต: บริษัท Gilead Sciences
  • ประเทศที่มีการจัดจำหน่าย: ประเทศไทย
  • FDA Approved: ปี 2547
  • FDA Approved สำหรับยาเพรีฟ: ปี 2555
  • หมายเหตุ: ยาทรูวาดาของบริษัท GILEAD ที่จำหน่ายในประเทศไทย สังเกตได้ว่ามีสีฟ้าอ่อนกว่า โดยด้านหนึ่งมีสัญลักษณ์ “GILEAD” เช่นเดียวกับ Truvada ที่จำหน่ายนอกประเทศไทย แต่ด้านอีกฝั่งจะไม่มีตัวเลข “701” ปรากฏอยู่
  • ข้อสำคัญ: หากผู้ใช้ Truvada ในประเทศไทยพบว่าเป็นสีฟ้าอ่อนและไม่มีเลข 701 ไม่ใช่ของปลอม เป็น Truvada ของแท้จาก GILEAD ผู้ผลิตในเยอรมนี

 

ยาเป๊ป Pep แบรนด์ TENO-EM

  • แบรนด์: TENO-EM
  • ส่วนประกอบของยา: Emtricitabine 200mg/Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg
  • ผู้ผลิต: องค์การเภสัชกรรม (GPO)
  • ประเทศที่มีการจัดจำหน่าย: ประเทศไทย, ฮ่องกง, สิงคโปร์
  • FDA Approved: ปี 2547
  • FDA Approved สำหรับยาเพรีฟ: ปี 2557
  • หมายเหตุ: ยา TENO-EM ที่ผลิตโดย องค์การเภสัชกรรม (GPO) ของประเทศไทย ซึ่งจำหน่ายในประเทศไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยด้านหนึ่งมีสัญลักษณ์ “TIE” และอีกด้านไม่ปรากฏสัญลักษณ์ใด ๆ

 

ยาเป๊ป Pep แบรนด์ RICOVIR-EM

  • แบรนด์: RICOVIR-EM
  • ส่วนประกอบของยา: Emtricitabine 200mg/Tenofovir Disoproxil Fumarate 300mg
  • ผู้ผลิต: บริษัท Mylan
  • ประเทศที่มีการจัดจำหน่าย: ประเทศไทย, อินเดีย, แอฟริกาใต้
  • FDA Approved: ปี 2557
  • FDA Approved สำหรับยาเพรีฟ: ปี 2557
  • หมายเหตุ: ยา RICOVIR-EM ที่ผลิตโดยบริษัท Mylan ในประเทศอินเดีย ซึ่งจำหน่ายทั่วโลก สังเกตได้ว่ามีสีฟ้า ซึ่งคล้ายกับยา Truvada โดยด้านหนึ่งมีสัญลักษณ์ “M117” และอีกด้านไม่มีสัญลักษณ์ใด ๆ

 

บทสรุป

PEP คือเครื่องมือสำหรับ “เหตุฉุกเฉิน” ในขณะที่ PrEP คือ “แผนป้องกัน” สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเนื่อง ทั้งสองชนิดต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และไม่สามารถซื้อกินเองได้ หากคุณมีความเสี่ยง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ทันที เพราะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือเครื่องมือป้องกันสุขภาพที่ดีที่สุดของคุณ

 แผ่นตรวจ HIV