ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) จำนวนเม็ด วิธีการกิน ข้อดี-ข้อเสีย และคำเตือน
เอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) คือยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ใช้สำหรับป้องกันการตั้งครรภ์ “หลัง” จากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ ไม่ใช่ยาสำหรับทำแท้ง และไม่ควรใช้เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบปกติในระยะยาว
ยาเอ-โพสน็อกซ์ (A-Posnox) มีกี่เม็ด?
- มี 1 เม็ดใน 1 กล่อง ยาเอ-โพสน็อกซ์ถูกออกแบบมาให้รับประทานง่ายและสะดวก โดยบรรจุยาเพียงเม็ดเดียวต่อกล่อง
- ส่วนประกอบสำคัญ ใน 1 เม็ด ประกอบด้วยตัวยา เลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) 1.5 มิลลิกรัม
- เหตุผลที่มีเม็ดเดียว เป็นยาคุมฉุกเฉินรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้รับประทานครั้งเดียวจบ ต่างจากยารุ่นเก่าที่ต้องแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง (ห่างกัน 12 ชั่วโมง) ซึ่งสะดวกกว่าและลดโอกาสการลืมกินยาเม็ดที่สอง
วิธีกินยาเอ-โพสน็อกซ์ (How to take A-Posnox?)
หลักการสำคัญที่สุด
- “ยิ่งเร็ว ยิ่งดี” ควรรับประทานยาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นตอนและรายละเอียดการกิน
- รับประทานยา 1 เม็ดทันที กินยาเม็ดเดียวที่มีในกล่องด้วยน้ำสะอาด
- กรอบเวลาที่สำคัญ: ต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
- ประสิทธิภาพภายใน 24 ชั่วโมงแรก สูงที่สุด อาจป้องกันได้ถึง 95%
- ประสิทธิภาพภายใน 24-48 ชั่วโมง ลดลงเล็กน้อย
- ประสิทธิภาพภายใน 48-72 ชั่วโมง ลดลงอีก แต่ยังคงให้ผลในการป้องกันได้
- หากอาเจียน กรณีที่อาเจียนภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากกินยาเข้าไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที เพราะอาจจำเป็นต้องรับประทานยาซ้ำอีก 1 เม็ด
- กินตอนท้องว่างหรือพร้อมอาหารก็ได้ ยาสามารถรับประทานได้โดยไม่ขึ้นกับมื้ออาหาร แต่การกินพร้อมอาหารอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้บ้าง
กลไกการออกฤทธิ์ของยา
- ยับยั้งหรือชะลอการตกไข่ เป็นกลไกหลัก โดยรบกวนกระบวนการปกติของรอบเดือน ทำให้ไข่ไม่ถูกปล่อยออกมาจากรังไข่ จึงไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น
- ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกข้นเหนียว ทำให้สเปิร์มเคลื่อนที่เข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น
- รบกวนผนังมดลูก อาจมีผลทำให้ผนังมดลูกไม่พร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว (หากการปฏิสนธิเกิดขึ้นแล้ว)
ข้อดี (Advantages)
- ประสิทธิภาพสูง หากรับประทานอย่างถูกต้องและรวดเร็ว (โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก) จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง
- สะดวกและง่าย เนื่องจากเป็นแบบเม็ดเดียวจบ ทำให้ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินยาเม็ดที่สอง
- เป็นทางเลือกฉุกเฉินที่ดี เป็นแผนสำรองที่สำคัญในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยแตก, ลืมกินยาคุมปกติ หรือการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- หาซื้อได้ง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยมีเภสัชกรให้คำแนะนำ
ข้อเสียและผลข้างเคียง (Disadvantages and Side Effects)
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ (ไม่จำเป็นต้องเกิดกับทุกคน)
- คลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อาจมีอาการมึนงงได้เล็กน้อย
- ปวดท้อง หรือปวดเกร็งช่องท้อง คล้ายกับอาการปวดประจำเดือน
- เจ็บคัดเต้านม เต้านมอาจมีอาการบวมและไวต่อการสัมผัส
- เลือดออกกะปริบกะปรอย อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน ภายใน 1-3 วันหลังกินยา
- ประจำเดือนคลาดเคลื่อน ผลจากฮอร์โมนขนาดสูงอาจทำให้ประจำเดือนในรอบถัดไปมาช้าหรือเร็วกว่าปกติได้ประมาณ 1 สัปดาห์
ข้อเสียในภาพรวม
- ประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติ ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถเทียบเท่าการใช้วิธีคุมกำเนิดแบบปกติ (เช่น ยาคุมรายเดือน, ยาฉีด, การฝังยาคุม) ได้
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ยานี้ป้องกันได้แค่การตั้งครรภ์ ไม่สามารถป้องกันโรคเอดส์, ซิฟิลิส, หนองใน หรือโรคอื่นๆ ได้
- ไม่ควรใช้เป็นประจำ การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ จะเพิ่มโอกาสเกิดผลข้างเคียง และทำให้รอบเดือนแปรปรวนอย่างมาก
คำเตือนและข้อควรระวังที่สำคัญ
- สำหรับกรณี “ฉุกเฉิน” เท่านั้น ย้ำว่ายานี้ ห้ามใช้ เป็นวิธีการคุมกำเนิดหลักในชีวิตประจำวันเด็ดขาด
- ไม่ใช่ยาทำแท้ง ยาจะไม่ได้ผลหากการตั้งครรภ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (ไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว)
- ป้องกันได้แค่ครั้งเดียว ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งที่ผ่านมาเท่านั้น หากมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่หลังจากกินยาไปแล้ว ยาจะไม่มีฤทธิ์ป้องกันอีก
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคตับรุนแรง, โรคหลอดเลือดอุดตัน, หรือมีประวัติเป็นมะเร็งบางชนิด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยา
- ตรวจสอบการตั้งครรภ์ หากประจำเดือนของคุณขาดหายไปนานกว่า 7 วันจากวันที่คาดว่าจะมา หรือมาน้อยผิดปกติ ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ
- ตรวจสอบวันหมดอายุ ก่อนใช้ยาทุกครั้ง ควรดูวันหมดอายุบนแผงยาเสมอ
ข้อสรุป เอ-โพสน็อกซ์เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจวิธีการใช้อย่างถูกต้อง รู้ถึงข้อจำกัด และใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น หากต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า