เรตินอล คืออะไร?
เรตินอล (Retinol) เป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ผิวหนังและผู้บริโภคในด้านคุณสมบัติการดูแลผิว โดยเฉพาะการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรตินอลอย่างละเอียดได้ดังนี้
- เป็นอนุพันธ์หนึ่งของวิตามินเอ (Vitamin A)
- จัดอยู่ในกลุ่มของเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งเป็นคำเรียกรวมของสารประกอบวิตามินเอทั้งหมด ทั้งแบบสังเคราะห์และแบบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
- เรตินอลถือเป็นรูปแบบที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในเครื่องสำอางโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ (Over-the-Counter – OTC) ต่างจากเรตินอยด์บางชนิด เช่น Tretinoin (Retin-A) ที่มีความเข้มข้นสูงและต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์
กลไกการทำงาน
-
เร่งการผลัดเซลล์ผิว (Cell Turnover)
-
- ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ (Keratinocytes) หลุดลอกออกเร็วขึ้น
- เผยเซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง และเรียบเนียนขึ้น
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Collagen & Elastin Production)
-
- แทรกซึมลงสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)
- กระตุ้น Fibroblasts (เซลล์ที่สร้างคอลลาเจน) ให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินมากขึ้น
- คอลลาเจนช่วยให้ผิวเต่งตึง ส่วนอิลาสตินช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น
- ส่งผลให้ริ้วรอยร่องตื้น (Fine Lines) และริ้วรอยร่องลึก (Wrinkles) แลดูจางลง ผิวมีความกระชับขึ้น
-
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน (Collagenase Inhibition)
- ช่วยลดการสลายตัวของคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมในผิว
-
ลดการสร้างเม็ดสี (Melanin Reduction)
- ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินในเซลล์ Melanocytes
- ทำให้จุดด่างดำ (Hyperpigmentation) รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation – PIH) และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอแลดูจางลง
-
คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Properties)
-
- ช่วยต่อต้านความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย
ประโยชน์ต่อผิวพรรณ
- ลดเลือนริ้วรอยร่องตื้นและร่องลึก
- เพิ่มความกระชับและความยืดหยุ่นของผิว
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ
- ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดปัญหาสิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการอักเสบ
- ช่วยให้รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น
ข้อควรพิจารณาและข้อควรระวังในการใช้
-
การระคายเคือง (Irritation)
- อาจทำให้เกิดอาการผิวแห้ง แดง ลอก คัน หรือรู้สึกแสบร้อนได้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นใช้ เรียกว่า “Retinization Period” ซึ่งเป็นช่วงที่ผิวกำลังปรับตัว
- ควรเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ (เช่น 0.01% – 0.03%)
- ใช้ในปริมาณน้อยเท่าเมล็ดถั่ว ทาบางๆ ทั่วใบหน้า
- เริ่มจากความถี่น้อยๆ เช่น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งในเวลากลางคืน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวแข็งแรงขึ้นและไม่เกิดการระคายเคือง
-
ความไวต่อแสงแดด (Photosensitivity)
- เรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า แม้ในวันที่ไม่ได้ออกจากบ้าน และควรทาซ้ำระหว่างวันหากมีกิจกรรมกลางแจ้ง
- แนะนำให้ใช้เรตินอลเฉพาะในเวลากลางคืน
-
การใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น
หลีกเลี่ยงการใช้พร้อมกันกับส่วนผสมที่อาจเพิ่มการระคายเคือง เช่น กรดผลัดเซลล์ผิว AHA (Glycolic Acid, Lactic Acid), BHA (Salicylic Acid), Vitamin C (L-Ascorbic Acid ความเข้มข้นสูง) และ Benzoyl Peroxide ในเวลาเดียวกัน หากต้องการใช้ ควรใช้สลับวันกันหรือแยกเวลาเช้า-เย็น และสังเกตอาการผิวอย่างใกล้ชิด
-
สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
- ห้ามใช้ เรตินอลและเรตินอยด์ทุกชนิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
-
การเก็บรักษา
- ควรเก็บผลิตภัณฑ์เรตินอลให้พ้นจากแสงแดดและความร้อน เนื่องจากเป็นส่วนผสมที่ไม่ค่อยเสถียรและเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับแสงและอากาศ
วิธีการเลือกผลิตภัณฑ์เรตินอล
การเลือกผลิตภัณฑ์เรตินอลที่เหมาะสมกับผิวของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดโอกาสการเกิดการระคายเคืองให้น้อยที่สุด ต่อไปนี้คือปัจจัยหลักๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เรตินอล:
1. พิจารณาความเข้มข้นของเรตินอล (Retinol Concentration)
- ผู้เริ่มต้น หรือ ผิวบอบบางแพ้ง่าย
- ควรเริ่มต้นจากความเข้มข้นต่ำๆ เช่น 0.01% – 0.03% หรือผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าสำหรับผู้เริ่มต้น (Beginner-friendly) หรือผิวแพ้ง่าย
- ความเข้มข้นต่ำช่วยให้ผิวค่อยๆ ปรับตัว (Retinization) ลดโอกาสการระคายเคือง เช่น แห้ง แดง ลอก
- ผู้ที่เคยใช้เรตินอลมาบ้าง หรือ ผิวปกติ
- สามารถเลือกความเข้มข้นปานกลางได้ เช่น 0.04% – 0.1%
- เมื่อผิวปรับตัวได้ดีกับความเข้มข้นต่ำแล้ว สามารถค่อยๆ เพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นได้
- ผู้ที่ใช้เรตินอลเป็นประจำและผิวแข็งแรง
- อาจพิจารณาความเข้มข้นที่สูงขึ้น เช่น 0.3% – 1% เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการลดเลือนริ้วรอยร่องลึก หรือปัญหาผิวที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
- ความเข้มข้นสูงมักมาพร้อมกับโอกาสการระคายเคืองที่สูงขึ้น ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
2. ทำความเข้าใจประเภทของเรตินอยด์ (Type of Retinoid)
- Retinyl Esters (เช่น Retinyl Palmitate, Retinyl Acetate) เป็นรูปแบบที่อ่อนโยนที่สุด เพราะต้องผ่านหลายขั้นตอนการเปลี่ยนรูปในผิวก่อนจะออกฤทธิ์ เหมาะสำหรับผิวที่บอบบางมากหรือผู้ที่กังวลเรื่องการระคายเคืองอย่างยิ่ง
- Retinol: เป็นรูปแบบมาตรฐานที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ OTC มีประสิทธิภาพดีและมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์รองรับมากมาย
- Retinaldehyde (Retinal) มีความแรงมากกว่าเรตินอลและใกล้เคียงกับการเป็นกรดเรติโนอิก (รูปแบบที่ผิวใช้ได้จริง) มากกว่า ทำให้เห็นผลเร็วกว่าเรตินอล และอาจมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เร็วขึ้นแต่ยังต้องการความอ่อนโยนกว่ากรดเรติโนอิกที่แพทย์สั่งจ่าย
- Encapsulated Retinol/Time-Release Retinol เป็นเทคโนโลยีที่นำเรตินอลไปบรรจุในแคปซูลขนาดเล็ก ทำให้ค่อยๆ ปล่อยสารสำคัญออกมาบนผิวอย่างช้าๆ ช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้ และเพิ่มความเสถียรของเรตินอล
- Granactive Retinoid (Hydroxypinacolone Retinoate – HPR) เป็นเรตินอยด์ยุคใหม่ที่มีความอ่อนโยนสูงแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการลดริ้วรอย โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปในผิวมากเท่าเรตินอล
3. ตรวจสอบส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร (Other Ingredients in the Formula)
- ส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมและลดการระคายเคือง
- Niacinamide (วิตามินบี 3) ช่วยลดรอยแดง ปลอบประโลมผิว เสริมเกราะป้องกันผิว
- Centella Asiatica (สารสกัดจากใบบัวบก), Madecassoside ช่วยลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว
- Allantoin, Panthenol (โปรวิตามินบี 5), Bisabolol ช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้น
- ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว
- Hyaluronic Acid, Glycerin ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ให้ความชุ่มชื้น
- Ceramides: ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ
- Squalane, Fatty Acids: ให้ความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม
- สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
- Vitamin C, Vitamin E, Ferulic Acid, Green Tea Extract ช่วยเสริมการทำงานของเรตินอลและปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
4. เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความกังวล (Skin Type and Concerns)
- ผิวแห้ง มองหาสูตรที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นสูง เช่น เนื้อครีม หรือเซรั่มที่มี Squalane, Ceramides, Hyaluronic Acid
- ผิวมัน/ผิวผสม/เป็นสิวง่าย เลือกเนื้อสัมผัสที่บางเบา เช่น เซรั่ม เจล หรือโลชั่นที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) เรตินอลยังช่วยเรื่องสิวได้ด้วย
- ผิวบอบบางแพ้ง่าย เน้นความเข้มข้นต่ำสุด เลือกสูตรที่มีส่วนผสมปลอบประโลมผิว หรือเทคโนโลยี Encapsulated Retinol และควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้เสมอ
- ความกังวลหลัก
- ริ้วรอย เลือกเรตินอลหรือเรตินาลดีไฮด์ที่มีความเข้มข้นเหมาะสม
- จุดด่างดำ/สีผิวไม่สม่ำเสมอ เรตินอลทำงานร่วมกับส่วนผสมอื่น เช่น Niacinamide, Vitamin C ได้ดี
- สิว เรตินอลช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน อาจพิจารณาสูตรที่มี Salicylic Acid (BHA) ด้วย (แต่ระวังการใช้ร่วมกันในเวลาเดียวกันหากผิวระคายเคืองง่าย)
5. พิจารณารูปแบบของผลิตภัณฑ์ (Product Format)
- เซรั่ม (Serum) มักมีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว เหมาะกับการใช้เป็นขั้นตอนแรกๆ หลังทำความสะอาดผิว และมักมีความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์สูง
- ครีม (Cream) มักมีเนื้อเข้มข้นกว่า ให้ความชุ่มชื้นได้ดี เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง หรือใช้ในขั้นตอนท้ายๆ ของการบำรุงผิว
- ออยล์ (Oil) บางผลิตภัณฑ์เรตินอลมาในรูปแบบออยล์ ซึ่งเหมาะกับผิวแห้งมาก สามารถช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี
6. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
- เรตินอลเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างไม่เสถียรและเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับแสงและอากาศ
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่บรรจุใน ภาชนะทึบแสง (Opaque) และเป็นแบบ หัวปั๊ม (Pump) หรือ หลอดบีบ (Tube) ที่ช่วยลดการสัมผัสกับอากาศและแสง
7. การทดสอบผลิตภัณฑ์ (Patch Testing)
- ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลใหม่กับใบหน้า ควรทดสอบการแพ้โดยทาผลิตภัณฑ์ปริมาณเล็กน้อยบริเวณผิวที่บอบบาง เช่น ท้องแขนด้านใน หรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง สังเกตอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง คัน หรือระคายเคือง
10 ครีม Retinol ยี่ห้อไหนดี ช่วยลดริ้วรอย (พร้อมส่วนประกอบสำคัญ)
การเลือกผลิตภัณฑ์เรตินอลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิว ประสบการณ์การใช้เรตินอล และความกังวลเฉพาะบุคคล ด้านล่างนี้คือ 10 ผลิตภัณฑ์เรตินอลที่น่าสนใจและได้รับความนิยม พร้อมข้อมูลส่วนประกอบสำคัญเพื่อประกอบการตัดสินใจ:
1. CeraVe Resurfacing Retinol Serum ราคา 600 – 790 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดรอยสิว ผิวไม่เรียบเนียน และผู้ที่เริ่มใช้เรตินอลที่กังวลเรื่องการระคายเคือง
คุณสมบัติเด่น ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว ปรับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น พร้อมเสริมเกราะป้องกันผิว
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (Encapsulated Retinol) เรตินอลในรูปแบบค่อยๆ ปลดปล่อย ช่วยลดโอกาสการระคายเคืองผิว
- Ceramides (1, 3, 6-II) เซราไมด์ 3 ชนิดที่จำเป็นต่อผิว ช่วยฟื้นฟูและรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
- Niacinamide (Vitamin B3) ช่วยปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน และช่วยให้ผิวกระจ่างใส
- Licorice Root Extract (สารสกัดจากรากชะเอมเทศ) ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและทำให้ผิวกระจ่างใส
- Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
2. La Roche-Posay Retinol B3 Serum ราคา 1,500 – 1,750 บาท
เหมาะสำหรับ ผิวบอบบางมีแนวโน้มระคายเคืองง่าย ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
คุณสมบัติเด่น เซรั่มเรตินอลเข้มข้นที่ออกแบบมาเพื่อผิวบอบบาง ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ พร้อมปลอบประโลมผิว
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (Pure Retinol + Gradual Release Retinol) ผสานเรตินอลบริสุทธิ์และเรตินอลที่ค่อยๆ ปลดปล่อย เพื่อประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยอย่างต่อเนื่องและลดการระคายเคือง
- Vitamin B3 (Niacinamide) ช่วยปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง เสริมเกราะป้องกันผิว และช่วยให้ผิวกระจ่างใส
- Glycerin สารให้ความชุ่มชื้น ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว
- Adenosine ช่วยลดเลือนริ้วรอย
- Thermal Spring Water (น้ำแร่ลาโรชโพเซย์) ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคือง มีคุณสมบัติแอนตี้ออกซิแดนท์
3. Innisfree Retinol Cica Repair Ampoule ราคา 800 – 1,300 บาท
เหมาะสำหรับ: ผิวแพ้ง่าย ผิวที่มีปัญหาสิว รอยสิว และต้องการลดเลือนริ้วรอยเริ่มต้น
คุณสมบัติเด่น: แอมพูลเรตินอลสูตรอ่อนโยน ผสานเทคโนโลยี Jeju Cica-Liposomlogy™ ช่วยลดการระคายเคือง พร้อมปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง และดูแลปัญหาผิวที่เกิดจากปัจจัยภายนอก
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients):
- Retinol ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนริ้วรอย
- Jeju Cica-Liposomlogy™ เทคโนโลยีที่นำ Cica (Centella Asiatica – สารสกัดจากใบบัวบก), Hyaluronic Acid และ Ceramide มาบรรจุในไลโปโซม ช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และเสริมเกราะป้องกันผิว
- Centella Asiatica Extract (สารสกัดจากใบบัวบก) รวมถึง Asiaticoside, Madecassic Acid, Asiatic Acid ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- Niacinamide ช่วยเรื่องความกระจ่างใสและลดรอยสิว
- Allantoin, Panthenol ช่วยปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
- Salicylic Acid (BHA) ในปริมาณน้อย ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน
4. COSRX The Retinol 0.1 Cream ราคา 450 – 700 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายมากๆ ที่ต้องการทดลองใช้เรตินอล
คุณสมบัติเด่น ครีมเรตินอลความเข้มข้นต่ำ (0.1%) ช่วยลดโอกาสการระคายเคือง เน้นการดูแลริ้วรอยแรกเริ่มและความยืดหยุ่นของผิว
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (0.1%) เรตินอลบริสุทธิ์ในความเข้มข้นค่อนข้างต่ำ
- Panthenol โปรวิตามินบี 5 ช่วยให้ความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และลดการอักเสบ
- Adenosine ช่วยลดเลือนริ้วรอย
- Tocotrienol (Super Vitamin E) เป็นวิตามินอีรูปแบบหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า Tocopherol ทั่วไป
- Squalane ให้ความชุ่มชื้นและช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว
5. Olay Regenerist Retinol24 Night Serum ราคา 500 – 999 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ปรับผิวให้เรียบเนียน และเพิ่มความกระจ่างใส
คุณสมบัติเด่น เซรั่มบำรุงผิวสำหรับกลางคืน ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึกตลอดคืน ให้ผิวดูเด้งเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinoid Complex (Retinol + Retinyl Propionate) การผสมผสานของเรตินอลและอนุพันธ์วิตามินเออีกรูปแบบหนึ่งที่อ่อนโยนกว่า ช่วยให้ซึมซาบสู่ผิวได้ดีและทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
- Niacinamide (Vitamin B3) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยแดง เสริมเกราะป้องกันผิว และให้ความชุ่มชื้น
- Amino-Peptide Complex ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวดูเฟิร์มกระชับ
- Glycerin, Dimethicone สารให้ความชุ่มชื้นและช่วยให้เนื้อสัมผัสดี
6. The Ordinary Retinol 0.5% in Squalane ราคา 450 – 650 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่เคยใช้เรตินอลความเข้มข้นต่ำมาบ้างแล้ว และต้องการเพิ่มระดับความเข้มข้นเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นในการลดริ้วรอย
คุณสมบัติเด่น เซรั่มเรตินอลสูตรปราศจากน้ำ (Water-Free) ที่มีความคงตัวสูง มาในเบสของ Squalane ช่วยลดโอกาสการระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (0.5%) เรตินอลบริสุทธิ์ในความเข้มข้นปานกลาง
- Squalane น้ำมันสกัดจากพืช (เช่น มะกอก อ้อย) ที่มีโครงสร้างคล้ายน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยให้ความชุ่มชื้นสูง ป้องกันการสูญเสียน้ำ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- Jojoba Seed Oil ให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว
- Tomato Fruit Extract มีสารต้านอนุมูลอิสระ Lycopene
- Rosmarinus Officinalis (Rosemary) Leaf Extract สารต้านอนุมูลอิสระและช่วยปลอบประโลมผิว
7. Kiehl’s Retinol Skin-Renewing Daily Micro-Dose Serum ราคา 2,800 – 3,300 บาท
เหมาะสำหรับ ทุกสภาพผิว รวมถึงผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้เรตินอล หรือผู้ที่มีผิวบอบบางที่ต้องการใช้เรตินอลเป็นประจำทุกวัน
คุณสมบัติเด่น เซรั่มเรตินอลที่ใช้เทคโนโลยี Micro-Dose ส่งมอบเรตินอลในปริมาณที่แม่นยำและน้อยพอเหมาะ เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง ทำให้สามารถใช้ได้ทุกวัน เน้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดริ้วรอย และปรับผิวให้แข็งแรงขึ้น
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Pure Retinol เรตินอลบริสุทธิ์ในปริมาณที่ควบคุม (Micro-Dose)
- Ceramides ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น และลดผลข้างเคียงจากเรตินอล
- Peptide ช่วยเสริมการทำงานของเรตินอลในการลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระชับของผิว
- Glycerin, Sodium Hyaluronate สารให้ความชุ่มชื้น
8. Vichy Liftactiv Retinol Specialist Deep Wrinkles Serum ราคา 1,400 – 1,900 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกและต้องการการดูแลที่เข้มข้น
คุณสมบัติเด่น เซรั่มที่เน้นการจัดการกับริ้วรอยร่องลึกโดยเฉพาะ ด้วยเรตินอลบริสุทธิ์และส่วนผสมที่ช่วยเสริมการทำงาน
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Pure Retinol (0.2%) เรตินอลบริสุทธิ์ในความเข้มข้นที่ออกฤทธิ์ได้ดี
- Probiotic Fractions สารสกัดจากโปรไบโอติก ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและปลอบประโลมผิว
- Bio-Peptides ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย
- Vichy Volcanic Water (น้ำแร่วิชี่) อุดมด้วยแร่ธาตุ 15 ชนิด ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
9. INGU Green Tea Retinol Repair Shot ราคา 890 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์เรตินอลที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติร่วมด้วย และต้องการคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติม
คุณสมบัติเด่น เซรั่มเรตินอลที่ผสานพลังของเรตินอลกับสารสกัดจากชาเขียว ช่วยลดเลือนริ้วรอย พร้อมปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และปลอบประโลมผิว
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (Encapsulated) เรตินอลในรูปแบบแคปซูลช่วยลดการระคายเคืองและเพิ่มความเสถียร
- Green Tea Extract (สารสกัดจากชาเขียว) อุดมด้วย EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องผิว ลดการอักเสบ
- Niacinamide ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยสิว และเสริมเกราะป้องกันผิว
- Madecassoside (จากใบบัวบก) ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบ
- Hyaluronic Acid Complex ผสานไฮยาลูรอนหลายขนาดโมเลกุล ช่วยให้ความชุ่มชื้นผิวหลายระดับ
10. Paula’s Choice Clinical 1% Retinol Treatment ราคา 2,600 – 2,900 บาท
เหมาะสำหรับ ผู้ที่เคยใช้เรตินอลมาอย่างต่อเนื่องและผิวมีความแข็งแรงพอสมควร ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วในการลดเลือนริ้วรอยร่องลึก จุดด่างดำ และปรับสีผิว
คุณสมบัติเด่น ทรีตเมนต์เรตินอลความเข้มข้นสูง (1%) พร้อมด้วยเปปไทด์และวิตามินซี ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ส่วนประกอบสำคัญ (Key Ingredients)
- Retinol (1%) เรตินอลบริสุทธิ์ในความเข้มข้นสูง
- Peptides (Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย
- Vitamin C (Tetrahexyldecyl Ascorbate, Ascorbyl Palmitate) อนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียร ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มความกระจ่างใส
- Licorice Extract, Oat Extract, Willow Bark Extract สารสกัดจากพืชที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และต้านการอักเสบ
- Ceramides, Hyaluronic Acid, Squalane ช่วยให้ความชุ่มชื้นและเสริมเกราะป้องกันผิว