ยาคุมกำเนิด เลดี้นอร์ (Ladynore) มีกี่เม็ด วิธีกิน ข้อดี ข้อเสีย คำเตือน
เลดี้นอร์ (Ladynore) เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน ไม่ใช่ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนที่ใช้รับประทานเป็นประจำเพื่อการวางแผนครอบครัวในระยะยาว บทความนี้จะให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดเลดี้นอร์ในแต่ละหัวข้อ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อมูลการค้าและจำนวนเม็ดยา
- ประเภท ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pill)
- ลักษณะแผง โดยทั่วไป ใน 1 กล่องของยาคุมกำเนิดเลดี้นอร์ จะบรรจุยา จำนวน 2 เม็ด
สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ เลดี้นอร์ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน (ชนิด 21 หรือ 28 เม็ด) ได้ เนื่องด้วยปริมาณฮอร์โมนที่สูงกว่าและวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน
ส่วนประกอบของยา
ยาคุมกำเนิดเลดี้นอร์แต่ละเม็ดประกอบด้วยตัวยาสำคัญเพียงชนิดเดียวคือ
- เลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) 0.75 มิลลิกรัม
- กลุ่มยา โปรเจสติน (Progestin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์ มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ร่างกายสร้างขึ้น
- กลไกการออกฤทธิ์ เลโวนอร์เจสเตรลในปริมาณสูงจะออกฤทธิ์สำคัญ 3 ประการในการป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ได้แก่
- ยับยั้งหรือเลื่อนการตกไข่ เป็นกลไกหลักที่ทำให้ไข่ไม่ถูกปล่อยออกมาจากรังไข่ จึงไม่มีไข่ให้อสุจิปฏิสนธิ
- เปลี่ยนแปลงมูกบริเวณปากมดลูก ทำให้มูกปากมดลูกมีความข้นเหนียวมากขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของอสุจิที่จะเข้าไปยังโพรงมดลูก
- รบกวนการเตรียมพร้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนในกรณีที่เกิดการปฏิสนธิขึ้นแล้ว
วิธีรับประทานยาคุมกำเนิดเลดี้นอร์
การรับประทานยาให้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุดเป็นหัวใจสำคัญของประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์
- หลักการสำคัญ ต้องรับประทานยาเม็ดแรก ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือคาดว่าวิธีการคุมกำเนิดอื่นล้มเหลว (เช่น ถุงยางอนามัยรั่วหรือฉีกขาด) โดยไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง (3 วัน)
- ประสิทธิภาพตามระยะเวลา
- ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงสุด (ประมาณ 95%)
- ภายใน 25-48 ชั่วโมง ประสิทธิภาพลดลง (ประมาณ 85%)
- ภายใน 49-72 ชั่วโมง ประสิทธิภาพลดลงอีก (ประมาณ 58%)
- หากเกิน 72 ชั่วโมง ประสิทธิภาพของยาจะลดลงอย่างมากและไม่แนะนำให้ใช้
- วิธีการรับประทาน (มี 2 วิธี)
- แบบแบ่งทาน 2 ครั้ง (วิธีดั้งเดิม)
- รับประทานยาเม็ดแรกทันทีที่ทำได้ (ภายใน 72 ชั่วโมง)
- จากนั้น รับประทานยาเม็ดที่สองหลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง
- แบบทานพร้อมกัน 2 เม็ด (วิธีที่แนะนำในปัจจุบัน)
- รับประทานยาทั้ง 2 เม็ด (รวมเป็น 1.5 มิลลิกรัม) พร้อมกันในครั้งเดียว ให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง
- ข้อดี สะดวกกว่า ลดโอกาสการลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง และมีผลการศึกษาว่าประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากการแบ่งทาน ทั้งยังอาจช่วยลดอาการข้างเคียงบางอย่างได้
- กรณีอาเจียน
- หากมีการอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา (ไม่ว่าจะทานแบบใด) จำเป็นต้องรับประทานยาซ้ำอีก 1 แผง (2 เม็ด) เนื่องจากยาอาจยังไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ข้อดี (Advantages)
- ประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้อย่างถูกต้อง เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ หากรับประทานอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- หาซื้อง่าย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์
- เป็นทางเลือกในกรณีฉุกเฉิน มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือความล้มเหลวของวิธีคุมกำเนิดอื่น
- ใช้งานง่าย วิธีการรับประทานไม่ซับซ้อน
ข้อเสีย (Disadvantages)
- ประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดแบบปกติ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่าการใช้ยาคุมแบบรายเดือน, ยาฉีดคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด หรือการใส่ห่วงอนามัยอย่างมีนัยสำคัญ
- ไม่สามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดหลักได้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้ง (มากกว่า 2 ครั้งในรอบเดือนเดียวกัน) จะรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกายอย่างมาก ทำให้รอบเดือนผิดปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นฮอร์โมนในปริมาณสูง จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่ายาคุมแบบปกติ เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน (พบบ่อย)
- ปวดศีรษะ วิงเวียน
- ปวดท้อง
- เจ็บคัดตึงเต้านม
- อ่อนเพลีย
- เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดนอกรอบเดือน
- ผลกระทบต่อรอบเดือน อาจทำให้ประจำเดือนในรอบถัดไปมาเร็วขึ้น ช้าลง หรือมีปริมาณเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ
- ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยาคุมกำเนิดทุกชนิด รวมทั้งเลดี้นอร์ ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองใน ได้ การป้องกันโรคเหล่านี้ต้องใช้ถุงยางอนามัยเท่านั้น
คำเตือนและข้อควรระวังที่สำคัญ
- ห้ามใช้ในผู้ที่ตั้งครรภ์แล้ว ยานี้ใช้เพื่อ “ป้องกัน” การตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถใช้เพื่อ “ยุติการตั้งครรภ์” หรือทำให้แท้งได้ และไม่มีผลหากตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว
- ผู้ที่มีประวัติโรคหลอดเลือดอุดตัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
- ผู้ที่เป็นหรือมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยก่อนใช้ยา
- ผู้ที่เป็นโรคตับรุนแรง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้
- ตรวจสอบการตั้งครรภ์ หากหลังจากรับประทานยาเลดี้นอร์แล้ว ประจำเดือนยังไม่มาภายใน 3 สัปดาห์ หรือประจำเดือนขาดหายไปนานผิดปกติ ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ
- วางแผนการคุมกำเนิดระยะยาว หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้ง แสดงว่าวิธีการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่อาจไม่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบปกติที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและเหมาะสมกับตนเองในระยะยาว